หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557

แนววิชา ศิลปะและกลวิธีการเขียน TH345

แนวข้อสอบ ศิลปะและกลวิธีการเขียน TH345
 
 
 
 
แนวข้อสอบ 2/56 อัตนัย 4 ข้อใหญ่ๆ = ="
 
 ข้อ 1 ให้ขีดเส้นใต้คำที่เขียนผิด มี5 ตัวเลือก ทั้งหมด 25 ข้อ 25 คะแนน o_O"
 
ข้อ 2 อาจารย์จะให้ประโยคมา แล้วให้บอกว่าประโยคที่ให้มา เป็นการใช้คำหรือสำนวนอะไรบ้าง น่าจะ 10 ข้อ จำไม่ค่อยได้ 20 คะแนน *O*
                เขาจะให้ประโยคมาแล้วให้เราเอาคำที่กำหนดให้ไปใส่ไว้หน้าประโยคเหล่านั้น ประโยคที่ให้มาก็เช่น  ใช้สำนวนต่างประเทศ ใช้คำฟุ่มเฟือย ใช้คำต่างประเทศ  ใช้สำนวนหนังสือพิมพ์  ขาดเอกภาพ  วางคำขยายผิดที่  ใช้คำขัดแย้งกัน เป็นต้น
 
ข้อ 3 ให้เขียนว่าประโยคที่กำหนดมาเป็นสำนวน (สุภาษิต) อะไร หรือ โวหารชนิดใด อย่างละ 5 ข้อมั้ง 25 คะแนน
 
ข้อ 4 ให้เขียน บรรยาย หรือ พรรณนา รูปภาพ รถติด ควันพิษ ท่ามกลางตึกสูงใหญ่ 30 คะแนน
 
 
 
**********************************************************************
 
 
 
ข้อสอบ อัตนัย 4 ข้อใหญ่

ข้อ1 ปรนัย 25 ข้อย่อย
คำสั่งว่า จงวงกลมหรือกากบาท ข้อที่สะกดถูกต้อง เช่น  ก.กงศุล ข. สีสรร ค. ลำเค็ญ ง.ยักใย่
มี 25 ข้อ คำซ้ำแต่ตัวสะกดเปลี่ยน

ข้อ 2 มีตัวเลือก 12 ตัวเลือก (ขอยกตัวอย่างเท่าที่จำได้)
1. ใช้สำนวนต่างประเทศ
2. ใช้คำต่างประเทศ
3. ใช้สำนวนหนังสือพิมพ์
4. ขาดเอกภาำพ
5. วางคำขยายผิดที่
6. ใช้คำขัดแย้งกัน
7.
8.
9.
10.
11.
12.
ที่เหลือจำไม่ได้

            แล้วคำถามจะมี 10 ข้อย่อย เช่น ยายค่อย ๆ ลุกแล้วเดินเร็ว ๆ ประโยคนี้มีความบกพร่องตามข้อ... (กรอกเลข ก็ต้องกรอก 6) ถ้าจะแก้ไขประโยคนี้ใหม่ ควรแก้เป็น... ให้เราแก้ไขประโยคเอง

ข้อ 3 เรื่องสำนวนแล้วโวหาร
3.1 เป็นให้คำแปลสำนวน เล่าเหมือนเรื่อง แล้วเราต้องเขียนสำนวนนั้น ตรงนี้มี 5 ข้อ
เช่น สมชายเป็นคนเกเร มีลูก ลูกโตก็เป็นคนเกเร ตรงกับสำนวน
เราก็ตอบ ว่า เชื้อไม่ทิ้งแถว

ประมาณนี้ 5 ข้อ
3.2 เป็นโวหาร
เป็นยกข้อความมา 1 ข้อความ คำสำคัญจะมีการขีดเส้นใต้ไว้ แล้วด้านล่างจะประมาณ

3.2.1 ยกคำที่ขีดเส้นใต้ เช่น เหมือนวิมาน อีกข้างนี้เป็น ก. อุปลักษณ์
3.2.2 คือเทวดา ข. อุปมา
3.2.3 ค. อติพจน์
ทั่วไป 10 ข้อ ง. เล่นคำ
3.2.10 จ. ปฏิพจน์
ฉ. สัญลักษณ์
ช. จำไม่ได้
ซ. จำไม่ได้

ตอนตอบ มันเป็นเลือกตัวเลือก ของคำตอบที่ถูก มาเติมด้านหน้า
....ข........... 3.2.1 เพราะ "เหมือน" วิมาน (คำว่า เหมือน, ราวกับ = อุปมา)
......ก...........3.2.2 เพราะ "คือ"เทวดา (เป็น, คือ = อุปลักษณ์)

ประมาณนี้
แต่เนื้อเรื่องยาก ต้องคิดหลายตลบอยู่


ข้อ 4 เป็นภาพ (ลายเส้นธรรมดา) รูปรถติดในเมือง
เขาให้เลือกว่าจะเขียนเป็น บรรยายโวหาร หรือพรรณาโวหาร
เราเลือกแบบบรรยายไป
ข้อ 4 คะแนนแรงมาก 40 คะแนนแหนะ (ที่เหลือไม่ทันสังเกต)
 
                                                                                                        ขอขอบคุณ คุณpranitee ^^

วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557

แนวข้อสอบ TL214 ปัญหาการใช้ภาษาไทยในระดับมัธยมศึกษา


                              แนวข้อสอบ TL214 ปัญหาการใช้ภาษาไทยในระดับมัธยมศึกษา

                                  ขอขอบคุณ คุณ Parinda Ubonban

วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557

สรุปเนื้อหา Cu 204 หลักสูตรและการจัดการเรียน

                                                           สรุปเนื้อหา  Cu 204  หลักสูตรและการจัดการเรียน

1.             หลักสูตรมาจากภาษาอังกฤษ คือ  Curriculum
2.             Currer มาจากภาษาลาติน หมายถึง  ทางวิ่ง หรือ ลู่วิ่ง
3.             โอลิวา รวบรวมความหมายของหลักสูตรไว้กี่ความหมาย อะไรบ้าง  รวบรวมไว้  13  ความหมาย ประกอบด้วย  หลักสูตร คือ
-         สิ่งที่สอนในโรงเรียน
-         เนื้อหาวิชา
-         โปรแกรมสำหรับการเรียน
-         กลุ่มของวัสดุอุปกรณ์
-         กลุ่มวิชา
-         ลำดับของรายวิชา
-         จุดมุ่งหมายที่ผู้เรียนพึงบรรลุ
-         รายวิชาที่จะศึกษา
-         ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดำเนินภายในโรงเรียนและกิจกรรมนอกชั้นเรียน การแนะแนว รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้อง
-         สิ่งที่สอนทั้งในและนอกห้องเรียน โดยการดูแลจากโรงเรียน
-         ทุกสิ่งที่ได้วางแผนจากบุคลากรในโรงเรียน
-         ลำดับขั้นตอนของประสบการณ์ที่โรงเรียนจัดให้แก่ผู้เรียน
-         ผลของประสบการณ์ที่ผู้เรียนแต่ละคนได้รับมาจากโรงเรียน
4.             ความหมายของหลักสูตรในวงกว้าง คือ มวลประสบการณ์ทั้งหลายที่จัดให้แก่ผู้เรียนทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม
5.             ความหมายของหลักสูตรในวงแคบ คือ  วิชาหรือเนื้อหาที่สอน
6.             ความหมายของหลักสูตรยังแบ่งออกอีกเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย
 1) สิ่งที่เป็นเอกสาร            2)  เป็นเอกสารและกิจกรรม หรือประสบการณ์
7.             สิ่งที่เป็นเอกสารในคำนิยามของหลักสูตร ประกอบด้วย 
คู่มือครู หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ หนังสือเรียน หนังสือเสริมประสบการณ์ ตลอดจนสื่อและอุปกรณ์การเรียนแบบต่าง ๆ
8.             Curriculum elements หมายถึง  องค์ประกอบของหลักสูตร
9.             องค์ประกอบของหลักสูตร หมายถึง การจัดระบบโครงสร้างภายในของหลักสูตร
10.      สรุปแล้วองค์ประกอบของหลักสูตร ประกอบด้วยอะไรบ้าง  ประกอบด้วย
1)            หลักการและจุดมุ่งหมาย 
2)            เนื้อหาวิชาและเวลาเรียน 
3)            การนำหลักสูตรไปใช้ 
4)            การประเมินผล
11.      ใครเสนอแนวคิดการจัดการหลักสูตรแบบหลักการเหตุผล   คือ  ไทเลอร์ (Tyler)
12.      ไทเลอร์ บอกองค์ประกอบของหลักสูตรไว้ คือ 
1) จุดมุ่งหมายทางการศึกษา
2) ประสบการณ์การเรียนรู้
3) มวลประสบการณ์ 
4)  วิธีการประเมินผล
13.      โบชอง ให้องค์ประกอบของหลักสูตร 4  ส่วนคือ 
1) เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์เฉพาะ 
2) ขอบข่ายเนื้อหา 
3)  การวางแผนการใช้หลักสูตร 
4)  การพิจารณาตัดสิน
14.      ผลการเรียนรู้  นิยมเรียกว่า  มาตรฐานการเรียนรู้
15.      ขอบข่ายเนื้อหา เรียกอีกอย่างว่า  สาระการเรียนรู้
16.      แผนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน หรือเรียกว่า  แผนการจัดการเรียนรู้
17.      หลักการ คือ  คุณสมบัติหรือแนวทางในการปฏิบัติเกี่ยวกับหลักสูตร
18.      หลักการมีหน้าที่อะไร   บอกให้รู้ว่าหลักสูตรนั้น ๆ จัดขึ้นเพื่ออะไร
19.      จุดมุ่งหมายของหลักสูตร  มีหน้าที่คืออะไร  จะบอกความคาดหวังของหลักสูตร ว่าเมื่อเรียนจบแล้ว จะมีคุณลักษณะอย่างไร ควรมีพฤติกรรมด้านปัญญา เจตคติ ค่านิยม
20.      เนื้อหาวิชา  คือ  สื่อหรือเครื่องนำทางพาผู้เรียนไปสู่จุดมุ่งหมาย
21.      เวลาเรียน คือ  ส่วนกำหนดว่าต้องใช้เวลาเรียนหลักสูตรนี้ทั้งหมดกี่ปี
22.      การนำหลักสูตรไปใช้ประกอบด้วย  การแปลงหลักสูตรการสอน  การจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก  การสอน
23.      การประเมินผล ประกอบด้วย  การประเมินผลการเรียน  การประเมินผลหลักสูตร
24.      curriculum development  คือ  การพัฒนาหลักสูตร
25.      การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง  การจัดทำหลักสูตรขึ้นมาใหม่  และ  การจัดทำหลักสูตรที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิม
26.      การพัฒนาหลักสูตรมีผลต่อปัจจัยด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย  การพัฒนาเศรษฐกิจ  การพัฒนาการเมืองและการปกครอง  การพัฒนาสังคม  การพัฒนาด้านวิชาการ  การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
27.      รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร ประกอบด้วย   รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของ ราล์ฟ  ไทเลอร์ (Ralph Tyler)  ตามแนวคิดของฮิลดา  ทาบา (Hilda Taba)  ตามแนวคิดของเซเลอร์ และคณะ (Saylor and others)
28.      รูปแบบการพัฒนาของราล์ฟ ไทเลอร์ ประกอบด้วย 
1)            มีจุดมุ่งหมายทางการศึกษา 
2)            ประสบการณ์ทางการศึกษา
3)            จะจัดให้ประสบการณ์มีประสิทธิภาพอย่างไร
4)            จะประเมินผลจุดมุ่งหมายอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
29.      รูปแบบของไทเลอร์ ก่อนกำหนดจุดมุ่งหมายชั่วคราว ต้องอาศัยข้อมูลจาก 3 แหล่ง ประกอบด้วย 
1)            ผู้เรียน 
2)            สังคม
3)            เนื้อหาวิชา
30.      แหล่งข้อมูลด้านผู้เรียน ของไทเลอร์ คือ  ความต้องการ  ความสนใจ  ความสามารถ  คุณลักษณะอันพึงประสงค์
31.      แหล่งข้อมูลด้านสังคม ของไทเลอร์ คือ ค่านิยม ความเชื่อ และแนวปฏิบัติในการดำเนินชีวิต
32.      แหล่งข้อมูลด้านเนื้อหาวิชา คือ  แนวคิดจากผู้เชี่ยวชาญและผลการวิจัย
33.      รูปแบบพัฒนาหลักสูตรของทาบา  มี  7  ขั้นตอน  ประกอบด้วย 

1)            วินิจฉัยความต้องการ 
2)            กำหนดจุดประสงค์ 
3)            คัดเลือกเนื้อหา 
4)            จัดเนื้อหา
5)            เลือกประสบการณ์การเรียนรู้ 
6)            จัดประสบการณ์การเรียนรู้
7)            กำหนดสิ่งที่ประเมินและวิธีการประเมิน

34.      รูปแบบพัฒนาหลักสูตรของเซเลอร์ และคณะ ประกอบด้วย   การกำหนดเป้าหมาย จุดประสงค์และขอบเขตความรู้ การออกแบบหลักสูตร การนำหลักสูตรไปใช้ การประเมินหลักสูตร
35.      หลักสูตรสถานศึกษา ตรงกับภาษาอังกฤษ ว่า  School based curriculum หรือ school curriculum
36.      การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา อาศัยหลักสูตรใด   หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551
37.      ขั้นตอนแรกของการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา คือ  ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย หลักสูตรแกนกลาง 2551  กรอบหลักสูตรท้องถิ่น บริบทความต้องการของสถานศึกษา
38.      การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา มีกี่ลักษณะ อะไรบ้าง  มี  2  ลักษณะ คือ  ระดับสถานศึกษา  ระดับชั้นเรียน
39.      องค์ประกอบของหลักสูตรสถานศึกษา ระดับสถานศึกษา  มีอะไรบ้าง 
1)            ส่วนนำ 
2)            โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 
3)            คำอธิบายรายวิชา 
4)            เกณฑ์การวัดและประเมินและเกณฑ์การจบหลักสูตร
40.      องค์ประกอบของหลักสูตรสถานศึกษา ระดับชั้นเรียน ประกอบด้วย 
1)            การจัดโครงสร้างรายวิชา 
2)            การออกแบบหน่วยการเรียนรู้
3)             การจัดทำแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
41.      การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาระดับใด เป็นหน้าที่ของครูผู้สอน   ระดับชั้นเรียน
42.      หลักสูตรแบ่งได้กี่ประเภท  อะไรบ้าง  แบ่งได้  4  ประเภท  ประกอบด้วย
1)            ประเภทเน้นเนื้อหาวิชา
2)            ประเภทเน้นผู้เรียน 
3)            ประเภทเน้นสังคม 
4)            ประเภทเน้นการบูรณาการ
43.      หลักสูตรประเภทเน้นเนื้อหาวิชา ประกอบด้วย 
1)            หลักสูตรายวิชา 
2)            หลักสูตรสัมพันธ์วิชา
3)            หลักสูตรหมวดวิชา
44.      หลักสูตรประเภทเน้นผู้เรียน ประกอบด้วย 
1)            หลักสูตรกิจกรรมหรือประสบการณ์
2)            หลักสูตรเกณฑ์ความสามารถ
3)            หลักสูตรเอกัตภาพ
45.      หลักสูตรประเภทเน้นสังคม ประกอบด้วย หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม
46.      หลักสูตรประเภทเน้นการบูรณาการ ประกอบด้วย หลักสูตรแกน หลักสูตรบูรณาการ
47.      Subject curriculum หมายถึง  หลักสูตรรายวิชา
48.      หลักสูตรใดที่ถือว่าเก่าแก่ที่สุด  หลักสูตรรายวิชา
49.      หลักสูตรใดที่ยึดปรัชญาแบบนิรันตรนิยมกับสารัตนิยม  หลักสูตรรายวิชา
50.      หลักสูตรที่สอนแยกเป็นรายวิชา คือ  หลักสูตรรายวิชา
51.      correlated curriculum หมายถึง  หลักสูตรสัมพันธ์วิชา
52.      หลักสูตรที่นำเนื้อหาวิชา 2-3 วิชาที่เกี่ยวข้องกันมาวางแผนการสอนร่วมกัน คือ  หลักสูตรสัมพันธ์วิชา
53.      broad fields curriculum หมายถึง  หลักสูตรหมวดวิชา
54.      หลักสูตรใดที่นำเอาเนื้อหาวิชาที่เนื้อหา ศาสตร์ใกล้ชิดกัน มารวมในหมวดเดียวกัน  หลักสูตรหมวดวิชา เช่น หมวดวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย เคมี ฟิสิกส์
55.      activity or experience curriculum  หมายถึง  หลักสูตรกิจกรรมหรือประสบการณ์
56.      หลักสูตรใดจัดตามแนวปรัชญาการศึกษาพิพัฒนนิยม  คือ หลักสูตรกิจกรรมหรือประสบการณ์
57.      Progressivism คือ  ปรัชญาการศึกษาพิพัฒนนิยม
58.      หลักสูตรกิจกรรมหรือประสบการณ์ เน้นด้านใด  เน้นความสนใจของนักเรียน หรือประสบการณ์ของนักเรียน
59.      วิธีการเรียนที่ให้นักเรียนกำหนดเนื้อหาตามความสนใจเอง เรียกว่า  วิธีเรียนแบบโครงการ (project method)
60.      competency-based curriculum หมายถึง หลักสูตรเกณฑ์ความสามารถ
61.      หลักสูตรที่เน้นพฤติกรรมที่นักเรียนสามารถทำให้มากกว่าเน้นเนื้อหา คือหลักสูตรใด  หลักสูตรเกณฑ์ความสามารถ
62.      Individualized curriculum หมายถึง  หลักสูตรเอกัตภาพ
63.      หลักสูตรใดจัดตามแนวปรัชญาภาวะนิยม   คือหลักสูตรเอกัตภาพ
64.      Existentialism คือ  ปรัชญาภาวะนิยม
65.      หลักสูตรที่เกิดจากนักเรียนและครูร่วมกันวางแผน จัดตามความสนใจ ความสามารถของตน  คือหลักสูตรเอกัตภาพ
66.      social process and life function curriculum หมายถึง  หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม
67.      หลักสูตรที่ยึดแนวปรัชญาปฏิรูปนิยม คือ หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม
68.      Reconstructionism คือ  ปรัชญาปฏิรูปนิยม
69.      หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคมประกอบด้วย ด้านใหญ่ ๆ  คือ 
1)  ชีวิตในสังคมและการดำรงอยู่ของมนุษย์
2) ปัญหาของชุมชน 
3)  การดำเนินการเพื่อปรับปรุงสภาพสังคม
70.      Core curriculum หมายถึง  หลักสูตรแกน
71.      หลักสูตรแกน คือ หลักสูตรที่กำหนดให้มีส่วนแกน เน้นการบูรณาการเนื้อหาวิชามาหลอมเข้าด้วยกัน
72.      หลักสูตรแกน มี 4 ลักษณะ คือ 
1)  หลักสูตรแกนแบบหมวดวิชา 
2)  หลักสูตรแกนแบบหลอมวิชา 
3)  หลักสูตรที่ใช้ปัญหาเป็นแกน 
4)  หลักสูตรที่ใช้ความสนใจของผู้เรียนเป็นแกน
73.      หลักสูตรแกนแบบหมวดวิชา คือ  หลักสูตรที่กำหนดหมวดหนึ่งเป็นแกน แล้วเอาเนื้อหาจากหมวดอื่นมาสัมพันธ์กัน
74.      หลักสูตรแกนแบบหลอมวิชา  คือ  นำวิชาตั้งแต่ 2 วิชามาหลอมเป็นวิชาเดียว โดยวิชาหนึ่งเป็นแกน
75.      หลักสูตรที่ใช้ปัญหาเป็นแกน คือ เลือกและกำหนดขอบเขตไว้ล่วงหน้า นำปัญหาที่เลือกมาเป็นแกนจัดเนื้อหาเรียน
76.      หลักสูตรที่ใช้ความสนใจของผู้เรียนเป็นแกน คือ  กำหนดเรื่องที่ผู้เรียนสนใจ แล้วร่วมกันจัดทำหน่วยกิจกรรม
77.      integrated curriculum หมายถึง หลักสูตรบูรณาการ
78.      หลักสูตรที่เน้นให้ผู้เรียนพัฒนาทุกด้าน คือ หลักสูตรบูรณาการ
79.      กระบวนการบูรณาการมีลักษณะอย่างไรบ้าง มีลักษณะ
1) บูรณาการแบบผู้สอนคนเดียว 
2)  แบบคู่ขนาน 
3) แบบสหวิทยาการ 
4)  แบบโครงการ
80.      การพัฒนาหลักสูตร ประกอบด้วยข้อมูลพื้นฐาน 2 ลักษณะ คือ  ข้อมูลที่คงที่  ข้อมูลที่เป็นพลวัตร
81.      ข้อมูลคงที่ (static) คือ ข้อมูลพื้นฐานทางปรัชญาการศึกษา และข้อมูลทางจิตวิทยา
82.      ข้อมูลพลวัตร (dynamic)  คือ ข้อมูลเกี่ยวกับสังคม ผู้เรียน ความรู้

83.      ปรัชญาการศึกษามีคุณค่า  5  ประการ ประกอบด้วย  
1)            ช่วยในการตั้งคำถามที่ลึกซึ้ง 
2)            ช่วยให้เกิดความเข้าใจ 
3)            ช่วยขจัดความไม่สอดคล้องต้องกัน 
4)            ช่วยให้เห็นภาพรวม 
5)            ช่วยเสนอแนวคิดใหม่
84.      ปรัชญามีความเกี่ยวข้องกับพื้นฐาน 3 ประการ คือ ธรรมชาติของความจริง  ธรรมชาติของความรู้  ธรรมชาติของคุณค่า
85.      reality  คือ  ธรรมชาติของความจริง
86.      knowledge คือ ธรรมชาติของความรู้
87.      values คือ  ธรรมชาติของคุณค่า
88.      การศึกษาธรรมชาติของความจริง เรียกว่า  อภิปรัชญา (ontology)
89.      การศึกษาธรรมชาติของความรู้ เรียกว่า  ญาณวิทยา (epistemology)
90.      การศึกษาธรรมชาติของคุณค่า เรียกว่า  คุณวิทยา (axiology)
91.      Essentialism หมายถึง  สารัตนิยม
92.      ผู้เผยแพร่ ปรัชญาการศึกษาสารัตนิยม คือ   แบคเลย์ (William Bagley)
93.      สารัตนิยม เกิดจากปรัชญาบริสุทธิ์ 2 กลุ่ม คือ จิตนิยม กับ สัจนิยม
94.      จิตนิยม คือ Idealism
95.      สัจนิยม คือ Realism
96.      ปรัชญาการศึกษาใดที่เน้นเนื้อหาวิชา  ปรัชญาการศึกษาสารัตนิยม
97.      สารัตนิยม ใช้วิธีการสอนแบบใด  แบบบรรยาย อภิปราย ให้ทำตามตัวอย่าง และวิธีอุปมาน
98.      Perennialism คือ   ปรัชญาการศึกษานิรันตรนิยม
99.      ปรัชญาการศึกษาใดที่เน้นสอนเรื่องที่เป็นนิรันดร ไม่เปลี่ยนแปลง มุ่งพัฒนาคนให้เป็นคนสมบูรณ์  คือ  ปรัชญาการศึกษานิรันตรนิยม
100.           ปรัชญาการศึกษา มีวิธีการสอนแบบใด  เน้นการสอนฝึกสติปัญญา ให้ท่องจำ และถามตอบใช้เหตุผล
101.           Progressivism คือ  ปรัชญาการศึกษาพิพัฒนนิยม
102.           ปรัชญาใดพัฒนามาจากปรัชญาปฏิบัตินิยม   คือ  ปรัชญาการศึกษาพิพัฒนนิยม
103.           ปรัชญาสำหรับสังคมประชาธิปไตย คือ  พิพัฒนนิยม
104.           ปรัชญาใดที่เชื่อว่า ถ้าคุณภาพของกระบวนการดี คุณภาพของผลผลิตก็ดีด้วย  คือ พิพัฒนนิยม
105.           ปรัชญาการศึกษาใดยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง  คือ พิพัฒนนิยม
106.           ปรัชญาที่เน้นว่า คิดอย่างไร  มากกว่า คิดอะไร  คือ  พิพัฒนนิยม
107.           Reconstructionism คือ  ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยม
108.           ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยม มีแนวคิดอย่างไร  แนวคิดว่าการศึกษาควรจะช่วยปรับปรุง พัฒนา และปฏิรูปสังคม ตลอดจนช่วยแก้ปัญหาของสังคม
109.           ปรัชญาการศึกษาใด เป็นหลักสูตรที่เน้นสังคม  คือ  ปฏิรูปนิยม
110.           ปรัชญาการศึกษาที่สอนโดยวิธีการสอนแบบร่วมมือ (cooperative methods) คือ  ปฏิรูปนิยม
111.           Existentialism คือ  ปรัชญาการศึกษาภาวะนิยม
112.           ปรัชญาใดเน้นตัวผู้เรียนรายบุคคล  คือ  ภาวะนิยม
113.           individual child-centered คือ  การศึกษาเน้นผู้เรียนรายบุคคล
114.           ปรัชญาการศึกษาที่มุ่งส่งเสริมพัฒนาตนเอง อิสรภาพ การเลือก และความรับผิดชอบ  คือ  ภาวะนิยม
115.           Buddhist Philosophy คือ  ปรัชญาการศึกษาตามแนวพุทธปรัชญา
116.           ปรัชญาการศึกษาตามแนวพุทธปัญญา หมายถึง  ปรัชญาการศึกษาที่มีรากฐานความเชื่อมากจากพุทธปรัชญา
117.           จุดมุ่งหมายการศึกษาของพระพุทธศาสนา คือ  ความหลุดพ้นจากทุกข์
118.           ธรรมชาติของมนุษย์ที่แท้จริง คือ  ทุกข์
119.           จุดมุ่งหมายการศึกษาตามพุทธปรัชญาประกอบด้วย  พัฒนาอกุศลมูลของนักเรียนให้น้อยลง รวมกันในสังคมด้วยหลักธรรม สารานิยธรรม 6 อปริหานิยธรรม 7  สัปปุริสธรรม 7  ให้ผู้เรียนรู้จักคิด ใช้เหตุผลและปัญหาแก้ปัญหา
120.           ตามพุทธปรัชญา ผู้สอนควรประกอบด้วยลักษณะใด  ประกอบด้วย เป็นกัลยาณมิตร (เพื่อนดี) ตั้งใจให้ความรู้ มีลีลาการสอน คือ แจ่มแจ้ง จูงใจ แกล้วกล้า ร่าเริง  สอนอย่างรู้จริงมีเหตุผล สอนให้ได้ผลจริงสำเร็จความมุ่งหมาย ปฏิบัติต่อศิษย์เหมือนทิศเบื้องขวา (ครู อาจารย์)
121.           ตามพุทธปรัชญา ผู้เรียนควรประกอบด้วยลักษณะใด  ประกอบด้วย ปฏิบัติตนตามจักร 4 อิทธิบาท 4 คิดเองเป็น เป็นพหูสูต เคารพผู้ให้ความรู้
122.           สรุปปรัชญาการศึกษายึดอะไรเป็นหลักในการจัดการศึกษา  ยึดแนวความคิด ความเชื่อ ค่านิยม หรืออุดมการณ์
123.           ปรัชญาที่ประยุกต์มาจากปรัชญาทั่วไปหรือปรัชญาบริสุทธิ์ประกอบด้วย 
1) ปรัชญาการศึกษาสารัตนิยม 
2)  ปรัชญาการศึกษานิรันตรนิยม 
3)  ปรัชญาการศึกษาพิพัฒนนิยม
4) ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยม 
5)  ปรัชญาการศึกษาภาวะนิยม 
6)  ปรัชญาการศึกษาตามแนวพุทธปรัชญา
124.           การจัดการศึกษาเป็นกระบวนการทางสังคม 4 ประการ ประกอบด้วย 
1)            ในทางมานุษยวิทยา 
2)            ในทางเศรษฐศาสตร์
3)             ในทางรัฐศาสตร์การเมือง
4)             ในทางสังคมวิทยา

125.           กระบวนการถ่ายทอดวัฒนธรรม คือ กระบวนการทางสังคมด้านใด  ทางมานุษยวิทยา
126.           enculturation process คือ  กระบวนการถ่ายทอดวัฒนธรรม
127.           development process คือ  กระบวนการพัฒนาสังคม
128.           democratization process คือ  กระบวนการประชาธิปไตย
129.           socialization process คือ กระบวนการสังคมประกิตหรือการขัดเกลาทางสังคม
130.           กระบวนการพัฒนาสังคม คือ เศรษฐศาสตร์
131.           กระบวนการประชาธิปไตย คือ  รัฐศาสตร์การเมือง
132.           กระบวนการสังคมประกิตหรือขัดเกลาทางสังคม คือ  สังคมวิทยา
133.           การจัดการศึกษามีบทบาทหลักในการพัฒนาสังคม กี่ประการ ประกอบด้วยอะไรบ้าง  มี 5 ประการ ประกอบด้วย 
1)            การฝึกฝนอาชีพให้แก่เยาวชน 
2)            การถ่ายทอดวัฒนธรรมของสังคม 
3)            การนำความก้าวหน้ามาสู่สังคม 
4)            การสร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่ชาติ 
5)            การส่งเสริมพัฒนาการส่วนบุคคล
134.           สิ่งที่ส่งผลต่อการศึกษาและสถาบันประกอบไปด้วย คือ  การศึกษาสำหรับเด็กที่มีปัญหาเฉพาะ  การแข่งขันจากสถาบันอื่น  ความต้องการในอนาคต  การเผชิญกับแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายและกระจัดกระจาย  สภาพครอบครัวที่แตกต่างจากเดิม
135.           สังคมแห่งการเรียนรู้ หมายถึง  สังคมมีเทคโนโลยี ระบบข่าวสารและความรู้ทุกด้าน
136.           learning society คือ  สังคมแห่งการเรียนรู้
137.           ความรู้ที่ถือเป็นสินทรัพย์หรือขายได้ด้วย  เรียกอีกชื่อว่า  เศรษฐกิจฐานความรู้
138.           knowledge-based economy คือ  เศรษฐกิจฐานความรู้
139.           หลักสูตรสำหรับคนรุ่นใหม่ควรมีลักษณะอย่างไร  ควรมีลักษณะดังนี้ 
1)  ต้องแสวงหาความเข้าใจอย่างไม่หยุดยั้ง 
2)  ต้องเลือกเนื้อหาสาระการเรียนรู้ 
3)  ต้องมุ่งศึกษาเพื่ออนาคต ไม่ใช่เพื่ออดีต 
4)  กระตุ้นให้เกิดความคิด 
5)  การเรียนรู้ตลอดชีวิต 
6)  เทคโนโลยีกับแหล่งเรียนรู้
140.           หลักสูตรสมัยใหม่ต้องครอบคลุมเนื้อหา ดังนี้ 
1) ธรรมชาติ 
2)  วัฒนธรรม 
3)  การรู้จักตัวเอง 
4) รู้จักผู้อื่น
141.           พัฒนาการทางสังคมของครอบครัวยุคใหม่ จะมีลักษณะดังนี้  มีพ่อหรือแม่เพียงคนเดียวเพิ่มมากขึ้น  แม่ทำงานมากขึ้น  ครอบครัวเล็กลง  ความขัดแย้งในครอบครัว  เด็กถูกทอดทิ้งและถูกทารุณกรรม  พ่อหรือแม่แต่งงานใหม่เพิ่มขึ้น  วัฒนธรรมเด็กกลุ่มวัยเดียวกันมีบทบาทมากขึ้น  โทรทัศน์และสื่อมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น
142.           ภาวะโลกาภิวัตน์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย  กระแสเศรษฐกิจเสรีระบบทุนนิยม  กระแสสังคมและการเมืองแบบเสรีประชาธิปไตย  กระแสวัฒนธรรม  กระแสสิ่งแวดล้อม  กระแสวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
143.           กระแสโลกาภิวัตน์มีผลต่อการจัดการศึกษาหลายทาง ดังนี้  เด็กขาดที่พึ่งทางใจ  การเลือกเส้นทางผิด  ค่านิยมทางการศึกษา การขาดการอบรมทางศีลธรรมและค่านิยมที่ดี  เด็กไม่มีกลไกกลั่นกรองข่าวสารข้อมูล  ความเหลื่อมล้ำทางสังคมส่งผลต่อสัมฤทธิผลทางการศึกษา
144.           พื้นฐานหลักสูตรด้านเศรษฐกิจ ประกอบไปด้วย  สภาวะเศรษฐกิจไทยในกระแสโลก  การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจไทยในกระแสโลกาภิวัตน์และผลกระทบต่อการศึกษา
145.           สภาวะเศรษฐกิจไทยในกระแสโลก ประกอบด้วย  ระบบเศรษฐกิจโลกมีความสลับซับซ้อนและเชื่อมโยงประเทศต่าง ๆ ใกล้ชิดกันมากขึ้น  แนวโน้มการพัฒนาสู่ เศรษฐกิจยุคใหม่ ของสังคมโลกได้ก่อให้เกิด ความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี  การเปิดเสรีและการกีดกันการค้าเพื่อให้ได้เปรียบทางเศรษฐกิจ  ปรากฏการณ์อีกประการหนึ่งในบริบทเศรษฐกิจโลก คือระบบภูมิภาคนิยม  เสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบางไม่เป็นระบบสากลที่มั่นคง แต่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
146.           การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจไทยในกระแสโลกาภิวัตน์และผลกระทบต่อการศึกษา ประกอบด้วย  เศรษฐกิจโลกกับทักษะที่ต้องการ  การจ้างงานในภาคการผลิตต่าง ๆ ความต้องการคนรุ่นใหม่  การศึกษาอบรมในบริบททางเศรษฐกิจยุคหลังอุตสาหกรรม
147.           พื้นฐานของหลักสูตรด้านการเมืองประกอบด้วย  บทบาทของการศึกษาในการพัฒนาการเมืองการปกครอง  การศึกษากับการสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองแบบมีส่วนร่วม
148.           ทฤษฎีที่เกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร ประกอบด้วย  จิตวิทยาการเรียนรู้พฤติกรรมนิยม (Behaviorist) จิตวิทยาการเรียนรู้ความรู้ความคิดนิยม (cognitivist)  จิตวิทยาการเรียนรู้กลุ่มมนุษย์นิยม (humanist)
149.           ทฤษฎีใดอยู่ในกลุ่มพฤติกรรมนิยม  ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสิค กับทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบปฏิบัติการ
150.           classical conditioning คือ  ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสิค
151.           operant conditioning คือ ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบปฏิบัติการ
152.           ใครปูพื้นฐานทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสิค  ไอวาน พาฟลอฟ (Ivan Paviov)
153.           ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสิค ประกอบด้วยแนวคิดของใครบ้าง 
1)            แนวคิดของ เอดเวิร์ค ทอร์นไดค์ (Edward L. Thorndike) 
2)            แนวคิดของเอ็ดวิน  กัททรี (Edwin R. Guthrie) 
3)            แนวคิดของแดเนียล ฮัลล์ (Daniel M.Hull)
154.           ทอร์นไดค์ แบ่งกฎแห่งการเรียนรู้ไว้  3  ประการ คือ  กฎแห่งความพร้อม  กฎแห่งการฝึกหัด  กฎแห่งผล
155.           law of readiness คือ  กฎแห่งความพร้อม
156.           law of exercise คือ กฎแห่งการฝึกหัด
157.           law of effect คือ กฎแห่งผล
158.           ความเต็มใจที่เกิดจากทัศนคติที่ดี นำไปสู่ความพึงพอใจ อยู่ในกฎข้อใดของทอร์นไดค์   กฎแห่งความพร้อม
159.           การเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง ซ้ำ ๆ บ่อย ทำให้เกิดเข้มแข็ง อยู่ในกฎข้อใดของทอร์นไดค์  กฎแห่งการฝึกหัด
160.           ควรมีการให้รางวัลเพื่อเกิดผลที่น่าพอใจ อยู่ในกฎข้อใดของทอร์นไดค์  กฎแห่งผล
161.           ทอร์นไดค์กล่าวว่าการเรียนรู้จะคงที่หรือลดลงได้ ขึ้นอยู่กับสิ่งใด  ขึ้นอยู่กับสิ่งเร้าและระดับความพึงพอใจ
162.           ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสิคของใครที่ เรียงลำดับส่วนประกอบอย่างสัมพันธ์กัน เริ่มจากสิ่งง่ายไปหายาก  แนวคิดของเอดเวิร์ด ทอร์นไดค์
163.           การเรียนรู้เกิดจากสิ่งเร้าและการตอบสนองที่เกิดไปด้วยกันอย่างใกล้ชิด เป็นการวางเงื่อนไขแบบใด  แบบติดกัน (Continuous Conditioning)
164.           การวางเงื่อนไขแบบติดกันเป็นแนวคิดใด  แนวคิดของเอ็ดวิน  กัททรี
165.           แนวคิดของเอ็ดวิน กัททรี มีลักษณะอย่างไร สอนสิ่งใหม่ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับสถานการณ์เดิม ไม่เน้นการเสริมแรงจูงใจ การใช้รางวัลหรือการลงโทษ
166.           คำกล่าวที่ว่า พฤติกรรมจะเกิดระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง  คือแนวคิดใคร  แนวคิดของแดเนียล  ฮัลล์ (Daniel M.Hull)
167.           แนวความคิดของแดเนียล ถือว่าสิ่งใดก่อให้เกิดนิสัย  คือ  การเสริมแรง (reinforcement)
168.           ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบปฏิบัติการ ประกอบด้วยใครบ้าง  มี บี เอฟ สกินเนอร์ (B.F. Skinner)
169.           ใครที่กล่าวว่า การให้การเสริมแรงหลังจากเลือกพฤติกรรมแล้ว จะทำให้พฤติกรรมนั้นเข็มแข็งและคงที่   สกินเนอร์
170.           ใครมีการสอนด้วยบทเรียนโปรแกรม  สกินเนอร์
171.           จิตวิทยาการเรียนรู้กลุ่มความรู้ความคิดนิยม ประกอบด้วยใครบ้าง  ประกอบด้วย
1)            แนวคิดของกลุ่มเกสตอล์ท (Gestalt) 
2)            แนวความคิดของฌอง  เพียเจท์ (Jean Piaget) 
3)            แนวความคิดของเจโรม  บรูเนอร์ (Jerome S. Bruner) 
4)            แนวความคิดของจอห์น ดิวอี้ (John Dewey) 
5)            แนวความคิดของ เบิร์ต  กานเย่ (Robert M. Gagne)  
6)            แนวความคิดของทฤษฎี Constructivist  
7)            แนวความคิด พหุปัญญา ของโฮเวิร์ค การ์ดเนอร์ (Howard Gardner)
172.           แนวคิดกลุ่มเกสตอล์ท (Gestalt) เกิดจากนักจิตวิทยาใครบ้าง 
1)            เวอร์ไธเมอร์ (Wertheimer) 
2)            โคห์เลอร์ (Kohler)
3)             คอฟฟ์กา (Koffka) 
4)            ลูวิน (Lewin)
173.           คำว่า  gestalt มาจากภาษาเยอรมัน หมายถึง  แบบแผน (pattern) หรือเค้าโครงรูปร่าง (configuration)
174.           แนวคิดใดที่มุ่งสอนภาพรวม หรือส่วนรวมทั้งหมดมากกว่า  แนวคิดของกลุ่มเกสตอล์ท
175.           กฎแห่งการเรียนรู้ของเกสตอล์ มีกี่ประการ อะไรบ้าง  มี  4  ประการ ประกอบด้วย 
1)            กฎแห่งความคล้ายคลึง 
2)            กฎแห่งความใกล้เคียง 
3)            กฎแห่งความใกล้ชิด 
4)            กฎแห่งความต่อเนื่องที่ดี
176.           law of similarity  คือ  กฎแห่งความคล้ายคลึง
177.           law of proximity คือ  กฎแห่งความใกล้เคียง
178.           law of closure คือ กฎแห่งความใกล้ชิด
179.           law of continuation คือ กฎแห่งความต่อเนื่องที่ดี
180.           การเรียนรู้ด้วยของที่คล้ายคลึงกัน คือ กฎของ law of similarity
181.           เอาสิ่งที่อยู่ในพวกเดียวกันและสมัยเดียวกันใกล้เคียงกันในแง่เนื้อที่และเวลา คือ กฎ low of proximity
182.           เนื้อที่ที่รวมเป็นหน่วยเดียวกันทำให้รับรู้ดีกว่า คือ กฎ low of closure
183.           สิ่งเร้ามีความต่อเนื่องกัน ทิศทางเดียวกัน คือ กฎ low of continuation
184.           แนวคิดของฌอง  เพียเจท์  เน้นขั้นตอนพัฒนาทางปัญญา ซึ่งมีกี่ขั้น อะไรบ้าง  มี  4  ขั้น ประกอบด้วย 
1)            ขั้นใช้อวัยวะและประสาทสัมผัส 
2)            ขั้นก่อนปฏิบัติการ 
3)            ขั้นปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม 
4)            ขั้นปฏิบัติการที่เป็นทางการ
185.           sensory motor  ขั้นใช้อวัยวะและประสาทสัมผัส
186.           preoperational ขั้นก่อนปฏิบัติการ
187.           concrete operation  ขั้นปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม
188.           formal operation  ขั้นปฏิบัติการที่เป็นทางการ
189.           ขั้นใช้อวัยวะและประสาทสัมผัส อายุเท่าไร  อายุแรกเกิด ถึง 2 ขวบ
190.           ขั้นก่อนปฏิบัติการ  อายุเท่าไร  อายุ 2-7 ปี
191.           ขั้นปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม  อายุเท่าไร  อายุ 7-11  ปี
192.           ขั้นปฏิบัติที่เป็นทางการ  อายุเท่าไร อายุ 11-16 ปี
193.           ขั้นใดที่จะสร้างการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง  ขั้นอวัยวะและประสาทสัมผัส
194.           ขั้นใดที่พัฒนาทางภาษาและใช้สัญลักษณ์  ขั้นก่อนปฏิบัติการ
195.           ขั้นใดที่เริ่มจัดพวก จัดกลุ่ม เปรียบเทียบความเหมือน แตกต่าง  ขั้นปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม
196.           ขั้นใดพัฒนาวุฒิปัญญาเต็มที่  ขั้นปฏิบัติการที่เป็นทางการ (นามธรรม)
197.           แนวความคิดใดจัดหลักสูตรแบบเกลียว (spiral curriculum) คือ  แนวคิดของเจโรม บรูเนอร์
198.           หลักสูตรแบบเกลียวหมายถึง  จัดโครงสร้างของวิชา จากพื้นฐานไปสู่สิ่งที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ
199.           ความงอกงามทางปัญญา หมายถึง  การเพิ่มความสามารถในการสื่อสารระหว่างตนเองกับผู้อื่น
200.           แนวคิดของจอห์น  ดิวอี้  มีแนวคิดอย่างไร  มีแนวคิดว่าการจัดหลักสูตรแบบเกลียวที่ต่อเนื่อง เนื้อหาวิชาสอดคล้องกับประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสังคม
201.           แนวคิดที่เชื่อว่า การเรียนรู้ของมนุษย์ มี 5 ด้าน คือ แนวคิดใคร ประกอบด้วยอะไรบ้าง 
แนวคิดของโรเบิร์ต กานเย่ (Robert M. Gagne) ประกอบด้วย 
1)            ด้านสติปัญญา
2)            ด้านความคิด
3)            ด้านคำพูด
4)            ด้านทักษะ
5)            ด้านเจตคติ
202.           วิธีการสอนของกานเย่มีกี่ขั้นตอน  9  ขั้นตอน
203.           แนวคิดทฤษฎี Constructivist คือ  ความรู้คือโครงสร้างทางปัญญาที่สามารถแก้ปัญหาได้
204.           แนวคิด Constructivist  ประกอบด้วย อะไรบ้าง  มี  3 ขั้นตอน ประกอบด้วย 
1) สร้างความขัดแย้งทางปัญญา 
2) ดำเนินกิจกรรมไตร่ตรอง 
3)  สรุปผลการสร้างโครงสร้างใหม่ทางปัญญา
205.           การเรียนการสอนตามลำดับขั้นพัฒนาการของผู้เรียน คือแนวคิดใด  แนวคิดพหุปัญญา ของโฮเวิร์ต การ์ดเนอร์ (Howard Gardner)
206.           พหุปัญญา คือ  multiple intelligence หมายถึง การตระหนักถึงสติปัญญาด้านต่าง ๆ
207.           สติปัญญาตามแนวคิดของ Gardner มีกี่ด้าน อะไรบ้าง มี  8  ด้าน ประกอบด้วย 
1)            ด้านดนตรี 
2)            ด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและกล้ามเนื้อ 
3)            ด้านการใช้เหตุผลเชิงตรรกและคณิตศาสตร์ 
4)            ด้านภาษา 
5)            ด้านมิติสัมพันธ์ 
6)            ด้านการเข้ากับผู้อื่น 
7)            ด้านการเข้าใจตนเอง 
8)            ด้านความเข้าใจในธรรมชาติ
208.           จิตวิทยาการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม  ประกอบด้วยแนวคิดใดบ้าง  ประกอบด้วย
1)            แนวคิดอับบราฮัม  มาสโลว์  
2)            แนวคิด คาร์ล  โรเจอร์ส
209.           แนวคิดใดเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง จัดการศึกษาระบบเปิด  แนวคิดของมาสโลว์  (Abraham Maslow)


210.           ความต้องการพื้นฐานตามแนวคิดของ Maslow ประกอบด้วย 
1)            ความต้องการทางร่างกาย 
2)            ความต้องการความปลอดภัยหรือความมั่นคง 
3)            ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ 
4)            ความต้องการได้รับการยกย่องนับถือ 
5)            ความต้องการด้านสุนทรียภาพ 
6)            ความต้องการเข้าใจความเป็นจริงเกี่ยวกับตนเอง
211.           แนวคิดใดจัดหลักสูตรตามแบบโรงเรียนซัมเมอร์ฮิลล์ (Summer Hill)  แนวคิดของเจอร์ส
212.           โรงเรียนซัมเมอร์ฮิลล์สอนอย่างไร  จัดหลักสูตรมีการยืดหยุ่น ไม่ตายตัว ผู้เรียนเรียนตามความถนัดความสนใจ
213.           แนวคิดของโรเจอร์สเน้นด้านใด  เน้นการสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อม
214.           บรรยากาศที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของโรเจอร์ส ประกอบด้วยอะไรบ้าง  ประกอบด้วยความเป็นจริง  การยอมรับและให้เกียรติผู้เรียน  ความเข้าใจ
215.           องค์ประกอบด้านสติปัญญา เปรียบได้กับกลุ่มใด  กลุ่มความรู้ความคิดนิยม
216.           องค์ประกอบการใช้กล้ามเนื้อปฏิบัติงาน  เปรียบได้กับกลุ่มใด  กลุ่มพฤติกรรมนิยม
217.           องค์ประกอบด้านอารมณ์ เปรียบได้กับกลุ่มใด  กลุ่มมนุษยนิยม
218.           ความรู้ หรือ เนื้อหาวิชา ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ มี 3 ประเภท ประกอบด้วยอะไรบ้าง 
1)            ธรรมชาติวิทยา 
2)            มานุษยวิทยา 
3)            สังคมวิทยา
219.           Natural Sciences  คือ  ธรรมชาติวิทยา
220.           Anthropology คือ  มานุษยวิทยา
221.           Social Sciences คือ สังคมวิทยา
222.           ความรู้เกี่ยวกับมนุษย์กับธรรมชาติ คือ  ธรรมชาติวิทยา
223.           ความรู้เกี่ยวกับมนุษย์กับตนเอง คือ  มานุษยวิทยา
224.           ความรู้เกี่ยวกับมนุษย์กับสังคม คือ สังคมวิทยา
225.           Man and Nature คือ มนุษย์กับธรรมชาติ
226.           Man and Self คือ มนุษย์กับตนเอง
227.           Man and Society คือ มนุษย์กับสังคม
228.           เนื้อหาความรู้ คือ ความรู้ที่ดัดแปลงมาจากศาสตร์ (Disciplines)  หรือ เนื้อหาสาระ ข้อมูล ทฤษฎีที่สำคัญและจำเป็นที่ผู้เรียนต้องเรียนเพื่อให้เกิดการเรียนรู้
229.           ทาบาแบ่งเนื้อหาความรู้เป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง  4  ประเภท ประกอบด้วย 
1)            เนื้อหาความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริงและกระบวนการ 
2)            เนื้อหาความรู้ที่เป็นแนวคิดพื้นฐาน 
3)            เนื้อหาความรู้ที่เป็นมโนทัศน์ 
4)            เนื้อหาความรู้ที่เป็นระบบการคิด
230.           thought systems คือ  เนื้อหาความรู้ที่เป็นระบบการคิด
231.           Concepts คือ เนื้อความรู้ที่เป็นมโนทัศน์
232.           basic ideas คือ เนื้อหาความรู้ที่เป็นแนวคิดพื้นฐาน
233.           facts and processes เนื้อหาความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริงและกระบวนการ
234.           เนื้อหาใดเป็นความรู้ขั้นต่ำสุด ข้อมูลแสดงความจริงของธรรมชาติ   facts and processes
235.           เนื้อหาใดที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างของสองสิ่ง  คือ basic ideas
236.           เนื้อหาใดที่เกี่ยวกับความเข้าใจโครงสร้างและส่วนประกอบย่อยเป็นรูปธรรมและนามธรรม คือ concepts
237.           เนื้อหาใดที่เกี่ยวกับระบบการคิดรวบยอด thought systems
238.           ใครเป็นผู้แบ่งประเภทเนื้อหาวิชา เป็น  เนื้อหาวิชาทั่วไป  เนื้อหาวิชาเฉพาะ  เนื้อหาวิชาเชิงพรรณนา  เนื้อหาวิชาเชิงค่านิยม  คือ  สมิท  สแตนเลย์ และชอร์ส (Smith, Stanley and Shores)
239.           General Subject Matter คือ  เนื้อหาวิชาทั่วไป
240.           Specialized Subject Matter คือ เนื้อหาวิชาเฉพาะ
241.           Descriptive Subject Matter คือ เนื้อหาวิชาเชิงพรรณนา
242.           Normative Subject Matter คือ เนื้อหาวิชาเชิงค่านิยม
243.           เนื้อหาวิชาที่ไม่เป็นทางการ แต่ต้องเรียน ไม่ว่าจะจากครอบครัวหรือสังคม พัฒนามาสอนในระบบโรงเรียน คือเนื้อหาวิชาแบบใด  แบบทั่วไป General Subject Matter
244.           เนื้อหาวิชาที่ต้องเชี่ยวชาญพิเศษ หรือเทคนิคพิเศษเพื่อการประกอบอาชีพ คือเนื้อหาวิชาแบบใด  แบบเฉพาะ Specialized Subject Matter
245.           เนื้อวิชาที่เป็นข้อเท็จจริงและหลักการ เช่น คณิตศาสตร์ คือเนื้อหาแบบใด  แบบเชิงพรรณนา Descriptive Subject Matter
246.           เนื้อหาที่เกี่ยวกับกฎ ระเบียบ กติกา ค่านิยม หรือเนื้อหาวิชาแบบใด แบบค่านิยม Normative Subject Matter
247.           ธวัชชัย  ชัยจิรฉายากุล แบ่งเนื้อหาความรู้เป็น 3 ประเภทได้แก่
1)             เนื้อหาที่มีโครงสร้างแน่นอน 
2)            เนื้อหาที่มีโครงสร้างไม่แน่นอน 
3)            เนื้อหาที่เกี่ยวกับทักษพิสัย 
248.           เนื้อหาที่มีโครงสร้างแน่นอน คือ เนื้อหาที่สอนตามลักษณะสาขาวิชา เน้นด้านพุทธพิสัยเป็นหลัก
249.           เนื้อหาที่มีโครงสร้างไม่แน่นอน คือ  เนื้อหาที่สอนเน้นด้านจิตพิสัย ด้านอารมณ์ ความรู้สึก เจตคติ
250.           เนื้อหาที่เกี่ยวกับทักษพิสัย  คือ  สนองพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ใช้อวัยวะ กลไก และส่วนต่าง ๆ ของร่างกายในการทำงาน
251.           curriculum content คือ  เนื้อหาหลักสูตร
252.           เนื้อหาหลักสูตรประกอบด้วย
1)            เนื้อหาความรู้หรือเนื้อหาวิชา 
2)            ประสบการณ์เรียนรู้ 
3)            กิจกรรมการเรียนรู้
253.           subject matter  คือ  เนื้อหาความรู้ หรือเนื้อหาวิชา
254.           learning experience คือ  ประสบการณ์การเรียนรู้
255.           learning activities คือ  กิจกรรมการเรียนรู้
256.           subject matter  คือ  เนื้อหาหลักสูตร ที่สามารถตอบได้ว่าเรียน อะไร
257.           learning experience คือ การเรียนรู้จากการปฏิบัติในห้องเรียน นอกห้องเรียน ในโรงเรียน และสิ่งแวดล้อม
258.           learning activities คือ  เนื้อหาส่วนที่ผู้สอนจัดให้
259.           ไม่ว่าจะจัดเนื้อหาเป็นอย่างไรก็ตามสิ่งต้องคำนึงถึง 3 ประการ มีอะไรบ้าง  มีขอบเขต  ความต่อเนื่อง  ความเป็นลำดับ  และการบูรณาการ
260.           scope ขอบเขต
261.           continuity  ความต่อเนื่อง
262.           sequence ความเป็นลำดับ
263.           integration การบูรณาการ
264.           ขอบเขต คือ  การจัดความกว้าง และขอบเขตของความคิด หรือมโนทัศน์เนื้อหาในหลักสูตร
265.           ความต่อเนื่อง คือ  จัดเนื้อหาหลักสูตรจากระดับหนึ่งไปอีกระดับหนึ่ง จากเนื้อหาหนึ่งไปอีกเนื้อหาหนึ่งโดยไม่ขาดตอน
266.           ความเป็นลำดับ คือ  การสอนจากพื้นฐานไปหาสิ่งที่ซับซ้อน จากรูปธรรมไปหานามธรรม
267.           การบูรณาการ คือ  เนื้อหาวิชามีความสัมพันธ์กัน สามารถเชื่อมโยงความรู้ด้วยกันได้
268.           เกณฑ์ในการเลือกเนื้อหาของหลักสูตร  มีเกณฑ์ดังนี้ 
1)            ความเที่ยงตรงและความสำคัญของเนื้อหา 
2)            ความสมดุลระหว่างเนื้อหาที่เรียนทั้งเชิงกว้างและลึก 
3)            ความสอดคล้องของเนื้อหากับความต้องการและความสนใจของผู้เรียน 
4)            การเน้นคุณภาพที่ยั่งยืนและสาระสำคัญของเนื้อหา 
5)            ความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาหลักและเนื้อหาย่อยกับความคิดและมโนทัศน์ 
6)            ความสามารถในการเรียนรู้เนื้อหาได้ 
7)            ความเป็นไปได้ในการทำให้เนื้อหากระจ่างด้วยการใช้ข้อมูลจากความรู้ในสาขาอื่น
269.           หลักสูตรระดับชาติก่อน พ.ศ.  ใช้ชื่อว่าอะไร หลักสูตรแม่บท
270.           หลักสูตรระดับชาติ ตั้งแต่ พ.ศ. 2544 ใช้ชื่อว่า หลักสูตรแกนกลาง
271.           การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษามี 3 ลักษณะ ประกอบด้วย  สถานศึกษาปรับจากหลักสูตรระดับชาติ  สถานศึกษาพัฒนาหลักสูตรเองให้สอดคล้องกับหลักสูตรระดับชาติ   สถานศึกษาพัฒนาหลักสูตรเองตามเกณฑ์มาตรฐาน
272.           หลักสูตรระดับก่อนประถมศึกษา  ปัจจุบันใช้หลักสูตรใด  ใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช  2546
273.           หลักสูตรระดับก่อนประถมศึกษา มีปรัชญาด้านใด  เน้นปรัชญาในการพัฒนาเด็กแรกเกิดถึงอายุ 5 ปี 11 เดือน 29 วัน
274.           หลักสูตรก่อนประถมศึกษา แบ่งได้เป็น  หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี  หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสำหรับเด็กอายุ 3 5 ปี
275.           หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี  มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เด็กมีร่างกายเจริญเติบโตตามวัยและมีสุขภาพดี
276.           หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสำหรับเด็กอายุ 3 5 ปี  มีจุดมุ่งหมายให้เด็กมีร่างกายแข็งแรงเจริญเติบโตตามวัยและสุขนิสัยที่ดี
277.           หลักสูตรระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปัจจุบันใช้หลักสูตร ใด  หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
278.           หลักสูตรแกนกลาง พ.ศ. 2551  มีองค์ประกอบใด 
1)            วิสัยทัศน์ของหลักสูตร 
2)            หลักการของหลักสูตร 
3)            จุดมุ่งหมายของหลักสูตร 
4)            สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 
5)            คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 
6)            โครงสร้างของหลักสูตร 
7)            มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด 
8)            โครงสร้างเวลาเรียน
279.           หลักการของหลักสูตร สรุปว่ามี  การศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
280.           จุดมุ่งหมายของหลักสูตร  สรุปว่า มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมอันพึงประสงค์
281.           สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน  5  ประการ คือ 
1)            ความสามารถในการสื่อสาร 
2)            ความสามารถในการคิด 
3)            ความสามารถในการแก้ปัญหา 
4)            ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5)            ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
282.           คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ประกอบด้วย รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ
283.           โครงสร้างของหลักสูตร  แบ่งเป็น  8  กลุ่มสาระ  ดังนี้ 
1)            ภาษาไทย 
2)            สุขศึกษาและพลศึกษา 
3)            คณิตศาสตร์
4)             ศิลปะ 
5)            วิทยาศาสตร์ 
6)            การงานอาชีพและเทคโนโลยี 
7)            สังคมศึกษา
8)            ศาสนาและวัฒนธรรม 
9)            ภาษาต่างประเทศ
284.           มาตรฐานการเรียนรู้ คือ  เป้าหมายสำคัญของการพัฒนาผู้เรียน
285.           ตัวชี้วัด คือ  เป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน เป็นตัวเฉพาะเจาะจง สะท้อนถึงมาตรฐานการเรียนรู้
286.           โครงสร้างเวลาเรียน  ระดับประถมศึกษา มีเวลาเรียนทั้งหมด 1,000 ชั่วโมง  ระดับมัธยมศึกษา  ตอนต้น  รวม 1,200 ชั่วโมง  ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย  รวม 3,600 ชั่วโมง
287.           แนวทางการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551  มีขั้นตอน ดังนี้  
1)            ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน 
2)            กำหนดวิสัยทัศน์ ภารกิจ เป้าหมายและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ 
3)            วิเคราะห์ตัวชี้วัด 
4)            จัดทำคำอธิบายรายวิชา จากผลการวิเคราะห์ตัวชี้วัด 
5)            จัดทำโครงสร้างรายวิชา แบ่งเนื้อหาสาระเป็นชื่อหน่วยการเรียนรู้ และจำนวนเวลาที่ใช้ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้  
6)            ออกแบบหน่วยการเรียนรู้และทำแผนการจัดการเรียนรู้
288.           วิสัยทัศน์  หมายถึง  เจตนารมณ์ อุดมการณ์ อนาคตที่พึงประสงค์ของสถานศึกษา
289.           ภารกิจหรือพันธกิจ  วิธีดำเนินงานของสถานศึกษา เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์และนำไปสู่การวางแผนปฏิบัติต่อไป
290.           เป้าหมาย คือ แสดงคุณลักษณะของผู้ที่จบหลักสูตรสถานศึกษานั้น ๆ
291.           คุณลักษณะอันพึงประสงค์  เน้นคุณลักษณะด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคติ
292.           หลักสูตรระดับอุดมศึกษา  ปัจจุบันดำเนินการตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา พ.ศ.  2548
293.           เกณฑ์มาตรฐานระดับอุดมศึกษา สรุปได้ดังนี้ 
1)            หลักสูตร 4 ปี  เรียนไม่น้อยกว่า 120 หน่วยกิต 
2)            หลักสูตร 5 ปี เรียนไม่น้อยกว่า 150 หน่วยกิต  
3)            เรียนไม่น้อยกว่า 6 ปี  มีหน่วยกิตไม่น้อยกว่า  180 หน่วยกิต
294.           โครงสร้างหลักสูตรระดับอุดมศึกษา ประกอบด้วย 
1)            หมวดวิชาศึกษาทั่วไป ไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิต 
2)            หมวดวิชาชีพเฉพาะ
2.1       ไม่น้อยกว่า 84 หน่วยกิต  สำหรับหลักสูตร 4 ปี
2.2       ไม่น้อยกว่า 114  หน่วยกิต  สำหรับหลักสูตร 5 ปี 
2.3       ไม่น้อยกว่า 144 หน่วยสำหรับ 6 ปี  หมวดวิชาเลือกเสรี ไม่น้อยกว่า  6  หน่วยกิต
295.           การคิดหน่วยกิตในระดับอุดมศึกษา คิดดังนี้  ภาคทฤษฎี 1 หน่วยกิต ใช้เวลาบรรยาย 1 ชั่วโมง  ต่อสัปดาห์  ภาคปฏิบัติ  1  หน่วยกิต เวลาเรียน 2-3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์   การฝึกงานหรือภาคสนาม 1 หน่วยกิต ใช้เวลา 3-6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
296.           หลักสูตร หมายถึง  ประสบการณ์การเรียนรู้ทั้งหมดที่ผู้รับผิดชอบจัดการศึกษาจัดให้แก่ผู้เรียน
297.           การจัดการเรียนรู้ หมายถึง  การจัดกิจกรรมเพื่อช่วยให้ผู้เรียนรับประสบการณ์การเรียนรู้ ทั้งเนื้อหาวิชา ทักษะ กระบวนการ มีคุณธรรมและจริยธรรม
298.           พัฒนาหลักสูตรมีขั้นตอนดังนี้ 
1)            วิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลพื้นฐาน 
2)            กำหนดหลักการและจุดมุ่งหมายของหลักสูตร 
3)            การเลือกและจัดลำดับเนื้อหาและประสบการณ์เรียนรู้ 
4)            กำหนดแนวทางการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 
5)            การตรวจสอบคุณภาพหลักสูตรและการปรับแก้ก่อนนำไปใช้ 
6)            การนำหลักสูตรไปใช้ 
7)            การประเมินหลักสูตร 
8)            การปรับปรุงแก้ไขหลักสูตร
299.           การจัดการเรียนรู้มี 4 ขั้นตอน คือ กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ เลือกและจัดเนื้อหาประสบการณ์การเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ ประเมินผลการเรียนรู้
300.           ปัจจุบันเราใช้กฎหมายใดของการศึกษา  พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
301.           การจัดการศึกษาเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เป็นแนวคิดปรัชญาการศึกษาใด  ปรัชญาการศึกษาพิพัฒนนิยม
302.           การเรียนแบบเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง  ครูมีบทบาทอย่างไร  ครูมีบทบาทเป็นผู้จัดการ  หรือผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการจัดการเรียนรู้
303.           Inductive Method คือ วิธีจัดการเรียนรู้แบบอุปนัย
304.           วิธีจัดการเรียนรู้แบบอุปนัย  มีขั้นตอนอย่างไร  1) ขั้นเตรียม  2) ขั้นสอน 3) ขั้นเปรียบเทียบและรวบรวม
4) ขั้นสรุป  5) ขั้นนำไปใช้
305.           Deductive Method คือ  วิธีจัดการเรียนรู้แบบนิรนัย
306.           วิธีจัดการเรียนรู้แบบนิรนัย มีขั้นตอนคือ 1) ขั้นอธิบายปัญหา 2) ขั้นอธิบายข้อสรุป 3) ขั้นตกลงใจ 4) ขั้นพิสูจน์
307.           Demonstration Method คือ วิธีจัดการเรียนรู้แบบสาธิต
308.           วิธีจัดการเรียนรู้แบบสาธิต มีขั้นตอน คือ 1)  ขั้นนำ  2) ขั้นแสดงการสาธิต  3) ขั้นสรุป
309.           Role Playing Method คือ วิธีจัดการเรียนรู้แบบแสดงบทบาท
310.           Simulation คือ วิธีจัดการเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์จำลอง  มีขั้นตอนดังนี้ 1) ขั้นเตรียม 2) ขั้นนำเสนอสถานการณ์จำลอง 3)  ขั้นกำหนดบทบาทในการแสดง  4)  ขั้นแสดง  5)  ขั้นอภิปราย สรุป และประเมินผล
311.           Play Way Method คือ วิธีจัดการเรียนรู้แบบเล่นปนเรียน
312.           Team Teaching Method คือ วิธีจัดการเรียนรู้เป็นทีม ใช้ครู 2 คนขึ้นไป มี 3 รูปแบบ คือ  กลุ่มใหญ่  การจัดกิจกรรมกลุ่มย่อย  การค้นคว้าและทำงานอิสระ
313.           Gagne  คือ วิธีจัดการเรียนรู้ตามแนวกานเย่ มีขั้นตอนดังนี้  1) สร้างความสนใจ  2) แจ้งจุดประสงค์ของบทเรียน 3) กระตุ้นให้ผู้เรียนระลึกถึงพื้นฐานความรู้ 4) เสนอบทเรียนใหม่โดยใช้สื่อกระตุ้น 5) ให้แนวการเรียนรู้ 6) ให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ 7) ให้ข้อมูลป้อนกลับ 8) ประเมินผลหลังการปฏิบัติ  9)  เพิ่มการจำและการถ่ายโอนการเรียนรู้
314.           Method of Inquiry คือ  วิธีจัดการเรียนรู้แบบสืบสวนสอบสวนหรือแบบสืบเสาะความรู้ มีขั้นตอน คือ 1) ขั้นสังเกต 2) ขั้นอธิบาย 3) ขั้นทำนายหรือพยากรณ์  4) ขั้นนำไปและสร้างสรรค์
315.           Problem-Solving Method คือ วิธีจัดการเรียนรู้แบบแก้ปัญหา มีขั้นตอนดังนี้ 1) กำหนดขอบเขตของปัญหา 2) ตั้งสมมุติฐาน  3) ทดลองและรวบรวมข้อมูล 4) วิเคราะห์ข้อมูล 5) สรุป
316.           Group Discussion Method คือ วิธีจัดการเรียนรู้แบบอภิปรายกลุ่มย่อย มีขั้นตอนดังนี้ 1) ขั้นเตรียม 2) ขั้นอภิปรายตอนต้น 3) ขั้นอภิปรายตอนกลาง 4) ขั้นอภิปรายตอนสุดท้าย 5) ขั้นเสนอผลการอภิปรายต่อกลุ่มใหญ่
317.           Project Method คือ วิธีจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน  มีขั้นตอนดังนี้ 1)  กำหนดจุดมุ่งหมาย 2) วางแผนโดยผู้เรียนร่วมกัน  3) ดำเนินการ  4) ประเมินผล
318.           Unit Teaching Method คือ วิธีจัดการเรียนรู้แบบหน่วย  มีขั้นตอนดังนี้ 1)  ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 2) ขั้นนักเรียนและครูวางแผนร่วมกัน  3) ขั้นลงมือทำงาน  4)  ขั้นเสนอผลกิจกรรม 5) ขั้นประเมินผล
319.           Learning Center คือ วิธีจัดการเรียนรู้แบบศูนย์การเรียน ศูนย์แต่ละศูนย์มีส่วนประกอบ 1) เนื้อหา  2) สื่อการสอน  3)  บัตรคำสั่ง
320.           Individualized Learning  คือ  วิธีจัดการเรียนรู้ตามเอกัตภาพ มีองค์ประกอบ 5 ส่วน 1) ผู้เรียน 2) สภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ 3) เนื้อหาความรู้  4) สื่อการเรียนรู้ 5) เทคนิควิธีการเรียนรู้
321.           CIPPA Model คือ วิธีจัดการเรียนรู้แบบซิปปา
322.                  มาจาก  Construction of knowledge คือสร้างความรู้ด้วยตนเอง
323.           I          มาจาก    Interaction คือ ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
324.           P         มาจาก    Physical participation คือ ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการปฏิบัติ
325.           P         มาจาก    Process learning คือ การเรียนรู้กระบวนการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
326.           A         มาจาก    Application คือ นำความรู้ไปประยุกต์ใช้
327.           CIPPA มีขั้นตอนดังนี้
1) ทบทวนความรู้เดิม 
2) แสวงหาความรู้ใหม่ 
3)  ทำความเข้าใจข้อมูลความรู้ใหม่ 
4)  แลกเปลี่ยนความรู้ ความเข้าใจกลุ่ม
 5)  การสรุปและจัดระเบียบความรู้ 
6)  การปฏิบัติและหรือการแสดงความรู้และผลงาน 
7)  การประยุกต์ใช้ความรู้

328.           สรุปการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ประกอบด้วยวิธีการสอน ดังนี้  

1)                                    วิธีการจัดการเรียนรู้แบบ อุปนัย 
2)                                    นิรนัย 
3)                                     แสดงบทบาท 
4)                                    สถานการณ์จำลอง 
5)                                    เล่นปนเรียน 
6)                                    เรียนรู้เป็นทีม ตามแนวกานเย่ 
7)                                    แบบสืบสวน 
8)                                    แบบแก้ปัญหา 
9)                                    แบบอภิปรายกลุ่มย่อย 
10)                             แบบโครงงาน 
11)                             แบบหน่วย
12)                              แบบศูนย์การเรียน
13)                             แบบตามเอกัตภาพ 
14)                             แบบซิปปา 
15)                             ผู้เรียนนำตนเอง 
16)                             ใช้ปัญหาเป็นฐาน 
17)                             แบบแก้ปัญหา 
18)                             ใช้สมองเป็นฐาน 
19)                             แบบร่วมมือ แบบบูรณาการ

329.           Self-Directed learning  คือ วิธีจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนนำตนเอง
330.           scientific method คือ วิธีจัดการเรียนรู้โดยวิธีการวิทยาศาสตร์
331.           learning contracts คือ วิธีจัดการเรียนรู้โดยใช้สัญญาการเรียนรู้
332.           Problem-Based learning คือ วิธีจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน
333.           problem solving คือ วิธีจัดการเรียนรู้แบบแก้ปัญหา
334.           living case study คือ วิธีจัดการเรียนรู้โดยใช้การศึกษารายกรณีตามสภาพจริง
335.           direct practice คือ วิธีจัดการเรียนรู้โดยการปฏิบัติบริบทจริง
336.           Brain-Base learning คือ วิธีจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน
337.           Cooperative Learning การเรียนรู้แบบร่วมมือ
338.           STAD คือ Student Teams-Achievement Divisions หมายถึง ทุกคนทำงานเป็นทีมและช่วยเหลือกัน
339.           การจัดการเรียนรู้เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์  คำว่า ศาสตร์ หมายถึง  ครูต้องมีเนื้อหาวิชา มีการวางแผน  คำว่า ศิลป์ หมายถึง  สามารถดำเนินการจัดการเรียนรู้ได้อย่างราบรื่น
340.           ในการจัดสถานการณ์การเรียนรู้ ครูมี 2 บทบาท คือ จัดการและจัดกระทำ
341.           ประสิทธิภาพ (efficiency) หมายถึง   การทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ถูกต้อง
342.           ประสิทธิผล (effectiveness) หมายถึง การทำสิ่งที่ถูกต้อง
343.           บทเรียนแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท คือ
1) บทเรียนที่เป็นเนื้อหาความรู้ 
2) บทเรียนที่เป็นทักษะ
344.           ก่อนที่ครูจะจัดทำแผนการเรียนรู้  ผู้สอนต้องศึกษาพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 
345.           ก่อนจัดทำแผนการเรียนรู้ผู้สอนต้องมีความรู้ในเรื่องต่อไปนี้คือ 
1) มีความรู้เกี่ยวกับผู้เรียน
2) ความรู้ในด้านเนื้อหาวิชาที่จะดำเนินการสอน
3)  มีความรู้ในด้านทฤษฎีการสอน
346.           สิ่งที่ผู้สอนควรจัดทำและกำหนดแผนการเรียนรู้ใน 4 ระดับ ดังต่อไปนี้ 
1)  แผนการเรียนรู้ระดับกระบวนวิชา 
2)  แผนการเรียนรู้ระดับหน่วย 
3)  แผนการเรียนรู้ในแต่ละสัปดาห์ 
4)  แผนการเรียนรู้รายคาบเวลา
347.           แผนการเรียนรู้ระดับกระบวนวิชา  (Course planning) คือ จัดแบบรายปี รายภาคเรียน
348.           แผนการเรียนรู้ระดับหน่วย (Unit planning) คือ จัดเป็นหน่วยการเรียน กำหนดจากมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้
349.           แผนการเรียนรู้ในแต่ละสัปดาห์ (Weekly planning) คือ จัดกิจกรรมการเรียนรู้
350.           แผนการเรียนรู้รายคาบเวลา (Daily Lesson planning) คือ กำหนดการสอนในแต่ละคาบเวลา
351.           ศึกษาหลักสูตรแกนกางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551  ประกอบด้วย กลุ่มสาระ 8 กลุ่มสาระ  40 สาระวิชา  และ 67 มาตรฐานการเรียนรู้
352.           การจัดสภาพแวดล้อมในการเรียน มีองค์ประกอบ 4 ด้านนี้ คือ 
1)            ผู้สอน
2)            การจัดสภาพแวดล้อมของกิจกรรมการเรียนการสอน 
3)            การจัดสภาพแวดล้อมของห้องเรียน
4)            การบริหารงานของโรงเรียน
353.           ลักษณะของครูที่สอนในชั้นเรียนมี 4 ประเภท คือ 
1) เข้มงวดในการสอน (Authoritarian)
2)  มีความเป็นครู (Authoritative)
3)  ตามใจนักเรียน (Laissez-faire) 
4)  ไม่เอาใจใส่การสอน (Indifferent)
354.           จรรยาบรรณครู สำนักเลขาธิการคุรุสภาพ 2539 แบ่งไว้ 9 ข้อ
355.           สภาพแวดล้อมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดได้ดังนี้ 
1) สร้างความสนใจในการเรียนเมื่อเริ่มบทเรียน 
2) ดำเนินการสอนให้เป็นที่น่าสนใจ
3) ดูแลและเอาใจใส่นักเรียนระหว่างการสอน 
4) กระตุ้นความสนใจของนักเรียนเป็นระยะ ๆ 
5) พยายามให้นักเรียนมีส่วนร่วม 
6) กำหนดกิจกรรมการเรียนการสอนในบทเรียนให้พอดีความความสนใจของนักเรียน
356.           แผนการศึกษาแห่งชาติ  มีระยะกี่ปี   พ.ศ. 2545-2559
357.           แผนการศึกษาแห่งชาติ มีวัตถุประสงค์กี่ข้อ  อะไรบ้าง  11  ข้อ  ประกอบด้วยแบ่งได้ 3 ส่วนใหญ่ ๆ คือ 
1)            วัตถุประสงค์ประการที่ 1 เป็นการพัฒนาคนอย่างรอบด้านและสมดุลเพื่อเป็นฐานหลักของการพัฒนา  (มี  4  ข้อ)
2)            วัตถุประสงค์ที่  2  เพื่อสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมคุณธรรม ภูมิปัญญาและเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ (มี 3 ข้อ)
3)            วัตถุประสงค์ที่  3 เป็นการพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคม เป็นฐานในการพัฒนาคนและนำไปสู่การสร้างสังคมคุณธรรมที่มีภูมิปัญญาและความรู้ (4 ข้อ)
358.           หลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ในปัจจุบัน  พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542  แก้ไขเพิ่มเติม 2545  กำหนดไว้ว่า  มี 3 รูปแบบ คือ  การศึกษาในระบบ  การศึกษานอกระบบ  การศึกษาตามอัธยาศัย
359.           แนวคิดใหม่ในการพัฒนาหลักสูตร ควรมีรูปแบบ ดังนี้
1) หลักสูตรที่เน้นความต้องการของโรงเรียน (School-based) 
2)  หลักสูตรหัวข้อเรื่อง (Thematic Curricula) 
3) หลักสูตรที่เน้นผลสัมฤทธิ์ (Outcome-base Curriculum)
360.           นวัตกรรมที่นำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน ควรมีลักษณะดังนี้ 
1)  การจัดการเรียนแบบไม่มีระดับชั้น (Non-graded) 
2)  การจัดการเรียนเป็นรายบุคคล (Individualized Learning) 
3)  การจัดการเรียนแบบร่วมมือ (Cooperative Learning) 
4)  การจัดการเรียนแบบ Active Learning 
5)  การจัดการศึกษาทางไกล (Distance Learning) 
6)  การจัดการเรียนโดยใช้ e-learning 
7)  การจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) 
361.           นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ใช้ในกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย
1) เครื่องคอมพิวเตอร์   แบ่งเป็น 
1.1 ใช้ในการสอน (Computer Assisted Instruction :CAI)
1.2 ช่วยในงานสอน (Computer Managed Instruction) 
1.3 ใช้ในการเรียนคอมพิวเตอร์ 
1.4  ใช้ในการบริหารงาน 
2)  ชุดการเรียน (Learning Activity Packages) 
3) บทเรียนแบบโปรแกรม (Programmed Instruction) 

4)  ศูนย์โสตทัศนูปกรณ์ (Audiovisual Aids Center)